Nicotinamide Adenine Dinucleotide (NAD+)

โปรแกรม NAD + Therapy โมเลกุลของน้ำพุแห่งความหนุ่มสาว เอาชนะความชราในระดับเซลล์ มาทำความรู้จักกันค่ะ

NAD+ คืออะไร

NAD+ หรือ Nicotinamide adenine dinucleotide คือ หนึ่งในโมเลกุลที่สำคัญที่สุดของร่างกาย นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ NAD+ เป็นครั้งแรก และ เริ่มศึกษาประโยชน์ของ NAD+ ช่วงทษวรรษ 1900

และเมื่อไม่นานมานี้ ดร. เดวิด ซินแคลร์ (David Sinclair) นักวิทยาศาสตร์ด้านการชะลอวัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ค้นพบว่าเมื่อระดับ NAD+ ลดลงจะ “เร่ง” กระบวนการความแก่จะถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น โดยการปิดการทำงานของยีนตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Sirtuins ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในเซลล์ และในทางกลับกันหากร่างกายได้รับปริมาณ NAD+ ที่สูงจะเป็นตัวเปิดการทำงานของยีนนี้

นั่นแปลว่าถ้ามี NAD+ สูง การทำงานของยีนตัวนี้ก็จะลดลงไปเรื่อยๆนั่นเอง

NAD+ เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 สารประกอบที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัยของเซลล์ในร่างกาย  และ ขบวนการเมตาบอลึซึมของเซลล์ มากกว่า 5,000 ชนิด และมีบทบาทในกลไกการยืดอายุของเซลล์ อีกทั้งยังเป็น โคเอนไซม์ในขบวนการฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA

ปกติระดับของ NAD+ ในร่างกายเราจะลดลงตามธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อ NAD+ ในร่างกายเราลดลง จึงนำไปสู่ความเสื่อมของร่างกาย และ โรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมถอยของระบบประสาท ความจำ ภาวะโรคหัวใจ โรคอ้วน ปัญหาอื่นๆตามอายุขัยนั้นเอง


ทำไมการลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดความชรา?

อย่างที่ทราบกันว่า NAD+ เป็นหนึ่งในโมเลกุลที่สำคัญมากสำหรับร่างกาย การที่เกิดการสูญเสีย NAD+ ตามอายุขัย จากการที่ NAD+ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ อาทิเช่น เกิดการปิดการทำงานของโปรตีน Sirtuins และ ยับยั้งการทำงานของเอนไซน์ PARP ซึ่งทั้งสองมีความสำคัญต่อการเสื่อมของระบบประสาท และ สมอง ความจำลดลง เกิดภาวะสมองเสื่อมได้

มี 3 องค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อการซ่อมแซมเซลล์ และการงอกใหม่ของเซลล์ นั่นคือ

  1. NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เป็น cofactor (ตัวกระตุ้น) ให้เกิดการทำงานของเซลล์ใน 2 ด้าน ที่สำคัญ คือ การแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน และการควบคุมดูแลให้เซลล์แข็งแรง และมีสุขภาพดี
  2. Sirtuins (Silent Information Regulator) คือ โปรตีนที่มีความสำคัญ เกี่ยวข้องในกระบวนการการตายของเซลล์ การอักเสบ และความต้านทานต่อความเครียดของเซลล์ต่อภาวะต่างๆ รวมทั้งประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  3. Mitochondria คือโรงงานที่ผลิตพลังงานให้เซลล์ในร่างกาย ซึ่ง 90% ของพลังงานที่เซลล์ใช้ผลิตโดย Mitochondria

 

อีกทั้งยังก่อให้เกิดโรคตามอายุขัย ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบตามส่วนต่าง ๆ ของการร่างกาย การทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อ ฉะนั้น NAD+ ถือเป็นโมเลกุลตัวช่วยในการรักษาอวัยวะ และ ระบบประสาทในมนุษย์ จากการกระตุ้นปฏิกิริยาระดับโมเลกุล ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง และ ลดความชราอย่างแท้จริง

NAD+ เป็นโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในทุกเซลล์ของร่างกาย มีความสำคัญในขบวนการฟื้นฟูเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ สามารถพบได้ในเซลล์ที่ช่วยส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์และเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างพลังงานของเซลล์ จึงช่วยชะลอความเสื่อม และโรคที่เกิดมาจากความเสื่อมของร่างกาย


ทำไม NAD + จึงมีความสำคัญต่อการชะลอวัย?

สำหรับการชะลอวัย หรือ Anti-Aging ถึงเราจะสามารถผลิต NAD+ ได้เอง แต่ก็จะลดลงตามอายุขัย ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ ทำให้เกิดความเสื่อมในร่างกาย และ เป็นสาเหตุในการแก่ชราอย่างรวดเร็ว การรักษาด้าน NAD+ จะช่วยแก้ไขในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชะลอความเสื่อมต่าง ๆ ของเซลล์ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังตามอายุขัย โรคที่มาพร้อมกับความชรา

NAD+ ได้รับการพิสูจน์แล้วงานวิจัยต่าง ๆ มากมาย ในการช่วยปกป้อง DNA และ ควบคุมกระบวนการความชราของเซลล์ นำไปสู่สุขภาพที่ดี และ อายุที่ยืนยาวของคุณ ถือเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงในปัจจุบัน ถ้า NAD+ ลดลง จะส่งผลต่อการเสื่อมถอยของประสาท ฉะนั้น NAD+ คือสิ่งจำเป็นมากที่สุดสำหรับการชะลอวัยในปัจจุบัน


NAD+ สำคัญต่อการชะลอวัยอย่างไร?

ดร. เดวิด ซินแคลร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านการชะลอวัย ค้นพบว่าเมื่อระดับ NAD+ ลดลงจะ “เร่ง” กระบวนการความแก่ โดยการปิดการทำงานของยีน Sirtuins ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในเซลล์ และในทางกลับกันหากร่างกายได้รับปริมาณ NAD+ ที่สูงจะเป็นตัวเปิดการทำงานของยีนนี้ ยิ่งได้รับปริมาณมากก็จะยิ่งเปิดการทำงานให้มากขึ้น

ยีน Sirtuins นี้ควบคุมการสร้างกลุ่มโปรตีนที่ชื่อว่า Sirtuins ซึ่งช่วยปกป้อง DNA และควบคุมกระบวนการความแก่ของเซลล์ แก้ไขความเสียหายของดีเอ็นเอที่ทำให้เซลล์ของคุณให้มีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดีนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอายุที่ยืนยาวขึ้น

นอกจากนั้น NAD+ ในปริมาณสูงจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของไมโตคอนเดีย ที่เสื่อมถอยลงตามอายุเช่นกัน (Mitochondria dysfunction) ช่วยให้การสร้างพลังงานในเซลล์เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการชะลอวัยโดยรวม


ข้อดีของการเพิ่มระดับ NAD + ในร่างกาย

เป็นธรรมดาที่เราต้องการ NAD+ ในการดำรงชีวิต เพราะว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายย่อมมีการเสื่อมไปเป็นธรรมดา เพราะเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสร้างโคเอนไซม์น้อยลง ทำให้เรารู้สึกถึงความชรา และมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยเมื่อเวลาผ่านไป

ในการเสริม NAD+ ในร่างกายถือเป็นการบำบัดอย่างหนึ่งด้วยวิธี IV (การให้ตัวยา หรือ วิตามินทางสายน้ำเกลือเข้าสู่กระแสเลือด) เป็นวิธีที่สมบูรณ์ และ มีความเป็นธรรมชาติที่สุด ในการช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับความชรา และ ความเจ็บป่วย โดยข้อดีของการเพิ่ม NAD+ ในร่างกายหลัก ๆ จะมีดังนี้

  • ช่วยให้ความจำและระบบประสาทดีขึ้น ปกป้องระบบประสาท
  • ซ่อมแซม และ ปกป้องได้ถึงระดับ DNA
  • ลดอาการสมองอ่อนล้า เซลล์สมองทำงานดี มีแรงทำงาน ลดความเครียดในระบบประสาท
  • ชะลอความชรา คืนความอ่อนเยาว์ระดับเซลล์ร่างกายซ่อมแซม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงในร่างกาย มวลกระดูกเพิ่มขึ้น
  • ลดน้ำหนักได้ดีขึ้นเนื่องจากอัตราการเผาผลาญพลังงาน และ ไขมันเพิ่มขึ้น
  • มีส่วนช่วยทำให้การมองเห็น และ การได้ยินดีขึ้น

NAD+ Therapy คืออะไร

 NAD+ Therapy เป็นการให้ NAD+  ทางหลอดเลือดดำ (NAD+ IV Drip) เมื่อ NAD+ เข้าวิตามินสู่กระแสเลือด จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ โดยรวมในร่างกายอย่างรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงาน และ กระบวนการฟื้นฟูเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานดี ปลอดโปร่ง ลดอาการเครียด ความกังวล หรือ อารมณ์แปรปรวน ถือเป็นทางเลือกสุขภาพสำหรับคนยุคใหม่ ชะลอวัย เพิ่มอายุขัย คืนความหนุ่มสาว เป็นตัวช่วยในหลากหลายด้านที่ง่าย และ รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการดูดซึมจากทางเดินอาหาร

การให้ NAD+ กับร่างกายด้วยวิธี IV Drip ถือเป็นวิธีเดียวที่จะแน่ใจได้ว่า คุณจะได้รับการดูดซึมจากโมกุลแบบ 100% หมายความว่า ร่างกายนั้นสามารถดูดซึมได้สูงสุด และ เปลี่ยนเป็นพลังงานระดับโมเลกุลที่สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งจริงอยู่ที่ตามท้องตลาดก็มี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี NAD อยู่ แต่ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมด ฉะนั้น การบำบัดด้วยวิธี NAD+ IV Therapy ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และ ปลอดภัยมากที่สุด


NAD+ Therapy เหมาะกับใคร

  • คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อยเป็นประจำ รู้สึกไม่ค่อยมีพลัง เหนื่อยง่าย
  • ประสบปัญหาในการลดน้ำหนัก ระบบย่อยอาหารไม่ดี ระบบย่อยอาหารแปรปรวนง่าย
  • มีภาวะเสื่อมถอยของสมอง คิดช้า อารมณ์แปรปรวน เครียดง่าย ไม่มีสมาธิ
  • คนที่สนใจอยากฟื้นฟูระบบประสาท และ สมอง อยากจดจ่อกับอะไรได้นาน ๆ
  • คนที่สนใจยืดอายุขัย รักษาระบบการทำงานของร่างกายแบบตรงจุด
  • ต้องการเร่งฟื้นฟูความแข็งแรงของการทำงานกล้ามเนื้อ และ ภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ผู้ป่วยโรคไหนเหมาะกับการทำ NAD+ Therapy

 

ความจริงคือไม่ต้องรอให้ตัวเองประสบปัญหาทางร่างกายก่อนแล้วค่อยมาทำ NAD+ IV Therapy เพราะการที่เรามีการซ่อมแซมไว้ก่อนเบื้องต้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ โรคภัยต่าง ๆ ได้ และ

NAD+ ยังเหมาะกับนักกีฬาด้วย ในการสร้างประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ เพิ่มความอดทนของร่างกาย และ ผลการวิจัยล่าสุดยังยืนยันอีกด้วยว่า NAD+ เป็นประโยชน์กับคนที่ติดยาเสพติด เพื่อลดอาการติดยาเสพติด ลดความอยาก และ ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่พังจากการเสพยาเสพติดด้วย

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes)
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ (Heart Disease)
  • ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
  • ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคความผิดปกติของไมโทคอนเดรีย (Mitochondrial dysfunction)
  • ผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า / โรควิตกกังวล / โรคเครียด (Anxiety / Depression)
  • มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง (Chronic Fatigue)
  • มีปัญหาด้านความทรงจำ และ การจดจ่อ ไม่มีสมาธิ (Concentration Issues)

ข้อดีของการทำ NAD+ Therapy

  • เพิ่มความเร็วในการคิด และ ความเข้าใจ จดจ่อ และ มีสมาธิได้ดีขึ้น
  • ลดความเครียด ความกังวล หรือ ความผิดปกติทางอารมณ์
  • อารมณ์ดีขึ้น และ สุขภาพจิตดีขึ้น รู้สึกสมองแจ่มใสมากขึ้น
  • ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และ สมองให้มีความแข็งแรง
  • ช่วยในผู้ที่เหนื่อยง่าย หรือ เหนื่อยล้าเป็นประจำจากการทำงานหนัก
  • เพิ่มพลังงาน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • กระตุ้นการเผาผลาญระดับเซลล์ และ การทำงานระดับเมตาบอลึซึม (Metabolism)
  • สร้าง และ ซ่อมแซมเซลล์ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย
  • อายุยืนขึ้น ชะลอวัย ชะลอความแก่ ระดับเซลล์ ถือเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุของความชรา
  • ลดการอักเสบภายในร่างกาย ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้นจากการเจ็บป่วย

ขั้นตอนการทำ NAD+ Therapy ที่สยามคลินิก

ขั้นตอนการรับบริการ ก่อนการรับ NAD+ คนไข้สามารถทำตัวได้ตามปกติแต่ที่สำคัญคือ ควรแจ้งโรคประจำตัวกับแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อเป็นการไม่ประมาทในการรักษา ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด

โดยหลังจากการรับตัว NAD+ Therapy แล้ว เพื่อให้วิตามินที่ฉีดเข้าไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ คงอยู่ได้นาน ดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วยสำคัญมาก คนไข้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ และ ออกกำลังกายเป็นประจำ

การดูแลหลังรับบริการ NAD+ IV Therapy

  • ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • งดสูบบุหรี่
  • งดดื่มแอลกอฮอล์

ข้อห้ามสำหรับการทำโปรแกรม NAD+ IV Therapy

  • ห้ามให้ในสตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • ไม่ควรให้กับผู้ที่มีภาวะไตล้มเหลว
  • ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และความดันโลหิต
  • ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้อื่นๆ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดสารละลายวิตามิน เช่น การระคายเคือง การอักเสบ เลือดอุดตันบริเวณที่ฉีด
  • หากทำโดยบุคลากรที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดอันตรายจากการฉีดวิตามินที่ไม่เหมาะสม เช่น ให้วิตามินเร็วเกินไป ไม่ระวังเรื่องความสะอาด
  • อาจรู้สึกจุดแน่นท้อง, ปวดศีรษะ, แน่นหน้าอก, หรือ แสบบริเวณลิ้นปี่
  • ปวดเมื่อยตามตัว

โปรแกรม NAD+ IV Therapy ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

  • อย่างน้อย 1 คอร์ส ต่อ 1 ปี
  • แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป แนะนำให้ทำ 2 คอร์ส ต่อปี
  • *ข้อแนะนำควรฉีดเป็นคอร์ส เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ โดยฉีด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 4 ครั้ง

ทำไมต้องทำ NAD Therapy ที่สยามคลินิก

  • มีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยคอยให้คำแนะนำในการรักษาด้วยวิธี NAD+ IV Drip ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพจริง
  • แพทย์ผู้ให้บริการในการรักษามีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์สูงทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย สามารถเข้าใจความต้องการของคนไข้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยกัน
  • ใช้ยาที่ผ่าน อย. ทุกตัว มีมาตรฐาน มีคุณภาพ และ เห็นผลจริง ไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย
  • คลินิกสะอาด มีมาตรฐาน และ มีความน่าเชื่อถือ

ติดต่อสยามคลินิกภูเก็ต