เสริมหน้าผาก

ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก

ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก การเสริมหน้าผากเป็นการ เติมเต็มร่องลึก เพิ่มความเรียบเนียนอย่างถาวร ทำครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต จะทำให้ทุกๆปัญหาหน้าผากแบน ร่องลึก ไม่เรียบเนียน การเสริมหน้าผากจะตอบโจทย์มากๆ ไม่ต้องเสียตังเติมไขมัน ย้ำบ่อยๆผลลัพธ์ที่จะได้หลังทำทันที คือ หน้าผากอวบอิ่ม เติมเติมในส่วนที่บุ๋ม และขาดหาย ช่วยเพิ่มความละมุนบนหน้าเพิ่มมิติให้กับใบหน้าและใบหน้าอ่อนกว่าวัย หน้าดูสดใสมากขึ้น ที่สำคัญจะยกช่วงชั้นตา ทำให้เห็นชั้นตาชัดเจนมากขึ้น
ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก คือ
      การเสริมหน้าผาก คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากไม่ได้รูป เช่น ผู้ที่มีปัญหาหน้าผากสั้น หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋มหรือยุบจากอุบัติเหตุต่างๆ โดยจะช่วยปรับแต่งโครงหน้าบริเวณหน้าผากให้สอดรับกับใบหน้าส่วนอื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยการใช้ซิลิโคนเเผ่นที่ถูกหล่อขึ้นมาโดยการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเเละได้รับความนิยมอย่าง CT SCAN ในการเอ็กซเรย์เราจะสามารถได้เห็นภาพที่ถูกต้องแม่นยำตรงตามความต้องการของหน้าผากเเต่ละบุคคล (3D Customized Silicone Implant) หรือจะใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป (Preformed Silicone) โดยลักษณะซิลิโคนถูกออกแบบมาสำเร็จรูปแล้วพร้อมที่จะใส่ได้ทันที ซึ่งมีหลายขนาดให้แพทย์ได้เลือกใช้ โดยที่จะมีความกว้างและยาวแตกต่างกันไป ผลลัพธ์จากการที่เราเสริมซิลิโคนนั้น หน้าผากจะดูโค้งมนเป็นธรรมชาติ มีความโหนกนูน เพิ่มมิติให้กับรูปหน้า ใบหน้าจะมีความอ่อนเยาว์ขึ้น โดยที่ซิลิโคนจะไม่มีการเปลี่ยนรูปเเละอยู่ได้ตลอดชีวิต
ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก เหมาะกับใคร
      การทำศัลยกรรมเสริมหน้าผาก เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าผากไม่เรียบเนียน หน้าผากแบน หรือมีปัญหาหน้าผากกว้างหรือแคบเกินไป ซึ่งการทำศัลยกรรมนี้จะช่วยปรับรูปหน้าให้สวยเด่นสะดุดตา และสมดุลดูมี 3 มิติยิ่งขึ้น นอกจากนี้คนที่มีอายุมาก ๆ มีปัญหาเรื่องริ้วรอยบนหน้าผากก็สามารถทำศัลยกรรมหน้าผากเพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้เช่นเดียวกัน
  • หน้าผากแบน สำหรับคนที่มีหน้าผากแบน หน้าผากตัด
  • หน้าผากดิ่งลงมาเป็นแนวตรง หน้าผากขาดความโค้งมน เลยทำให้ใบหน้าไม่มีน้ำ ไม่มีนวล จึงให้หน้า ขาดมิติ ไม่ขึ้นกล้องและที่สำคัญจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
  • หน้าผากแคบ สำหรับคนหน้าผากแคบจะทำให้สัดส่วนใบหน้าดูสั้น ต้องการเพิ่มความกว้างของ
  • หน้าผากให้เหม่งรับทรัพย์ การเสริมหน้าผากก็จะปรับมิติให้ดูกว้างขึ้น นูนขึ้น เพิ่มมิติ มากขึ้น
  • หน้าผากไม่เรียบ ด้วยโครงสร้างของกระดูก ตั้งแต่เกิดทำให้หน้าผากไม่เรียบเนียน หน้าผากเป็นคลื่น ยิ่งจะทำให้เห็นริ้วรอยชัดเจนมากกว่าคนอื่นๆ
  • หน้าผากโหนกคิ้วสูง จึงทำให้ช่วงกลางของหน้าผาก มีร่องลึกได้ และในเคสที่ไขพร่องด้วย จะยิ่งทำให้เหนโครงสร้างของกระดูกชัดเจนจะทำให้ใบหน้าดูดุ หน้าผากเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน
  • ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก มีกี่แบบ

    การเสริมหน้าผาก เพื่อแก้ไขหน้าผากที่แบนและกว้าง ให้โค้งโหนกนูนสวยงามอ่อนหวานแบบผู้หญิงมีหลายวิธีดังนี้

    การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน

         เป็นการนำไขมันของตัวเราเอง อย่างเช่น ไขมันบริเวณต้นขา ต้นแขน หรือหน้าท้อง มาแยกเซลล์ไขมัน จากนั้นนำมาฉีดเสริมเข้าไปที่บริเวณหน้าผาก สำหรับวิธีนี้จะไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยแผลเป็น และจะดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ แต่ข้อเสียก็คือระยะเวลาของการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมันจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีเท่านั้นเอง

    การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน

         เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปให้พอดีกับรูปหน้า ซึ่งข้อดีของการเสริมซิลิโคนก็คือจะได้ทรงหน้าผากที่พอดี มีรูปทรงสวย อีกทั้งยังอยู่ได้นานกว่าการฉีดไขมันค่ะ

    การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดฟิลเลอร์

         เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่บริเวณหน้าผากตามจุดต่าง ๆ สำหรับวิธีนี้จะช่วยเสริมจุดบกพร่อง แต่งเติมให้หน้าผากนูนสวยได้รูป นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย

    วัสดุอื่น ๆ ที่ใช้ทดแทนซิลิโคน

    นอกจากซิลิโคนซึ่งเป็นที่นิยมสูงสุดในปัจจุบันแล้ว การผ่าตัดเสริมหน้าผากยังมีการใช้วัสดุอื่นๆ ด้วย ดังนี้

    Bone Cement

         เป็นวัสดุตัวหนึ่งที่ใช้มานาน เป็นสารชื่อ โพลี่เมทิลเมทตาไซเลท หรือ PMMA เป็นสารที่ไม่ระคายเคือง หรือ เป็นอันตรายกับร่างกาย ศัลยแพทย์ชอบใช้ เพราะสามารถปรับสร้างรูปทรงได้ง่าย เวลาที่ใช้ผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง

    แผ่นซิลิโคนสำเร็จรูป

         ตัวซิลิโคนจะได้รับการหล่อขึ้นรูปไว้เเล้วตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยลักษณะของซิลิโคนถูกผลิตขึ้นเเบบสำเร็จรูป โดยคิดตามค่าเฉลี่ยจากบุคคลส่วนมาก ซึ่งมีหลายขนาดจะมีความกว้าง-ความยาวที่แตกต่างกันไป ก่อนที่จะทำการเสริมซิลิโคนนั้นเเพทย์จะทำการวิเคราะห์ซิลิโคนที่ใกล้เคียงกับฐานของหน้าผากเราโดยยึดหลักความพึ่งพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ เพราะมันจะอยู่กับเขาตลอดชีวิต เเละจากนั้นแพทย์จะใช้เทคนิคทำการตกเเต่งซิลิโคนเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างหน้าผากของเเต่ละบุคคล ซึ่งซิลิโคนแบบสำเร็จรูปจะมี 3 ขนาด ดังนี้

  • Size S ความหนา 4.5 มิลลิเมตร
  • Size M ความหนา 6.0 มิลลิเมตร
  • Size L ความหนา 7.0 มิลลิเมตร

  • e-PTFE (Gore-Tex)

         คือวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นหลอดเลือดเทียม ต่อมามีการนำมาดัดแปลงเป็นวัสดุที่ใช้เสริมแทนซิลิโคน มีลักษณะนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ปรับรูปทรงโค้งไปกับหน้าผากได้ดี ที่สำคัญคือมีรูพรุนจำนวนมาก ทำให้เนื้อเยื่อเกิดใหม่สามารถแทรกไปตามรูพรุนได้ ส่งผล e-PTFE อยู่ในตำแหน่งคงที่ ไม่เคลื่อนที่ไปมา

    PMMA

         เป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดหนึ่งทำมาจาก Bone Cement (วัสดุที่ใช้ทดแทนกระดูก ซ่อมแซมบริเวณที่กระดูกได้รับความเสียหาย) ข้อดีของ PMMA คือ ขึ้นรูปเป็นรูปแบบใดก็ได้ ไม่ระคายเคืองหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยแพทย์นิยมใช้เพื่อแก้ไขความผิดปกติของใบหน้าที่กระดูกบางส่วนหายไป โดยมักใช้ควบคู่กับการเอ็กเรย์สามมิติ จากนั้นจึงหล่อวัสดุให้ได้ขนาดและรูปทรงตามต้องการ จึงค่อยผ่าตัดเสริมวัสดุเข้าไป ตัวซิลิโคนจะได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสรีระหน้าผากของเเต่ละบุคคล ด้วยการใช้เทคโนโลยี CT SCAN เข้ามาช่วย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และตรวจสอบได้อย่างถูกต้องเเละเเม่นยำ โดยซิลิโคนจะถูกออกเเบบมาจากโครงสร้างหน้าผากโดยตรงของบุคคลนั้น อีกทั้งยังสามารถกำหนดความโค้งนูนของซิลิโคนให้ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล แม้ว่าการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนจะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ และใช้เวลาไม่นาน แต่จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญสูง เนื่องจากหลังจากเสริมหน้าผากแล้ว ขอบของซิลิโคนต้องราบไปกับผิว ไม่เช่นนั้นอาจจะเห็นขอบหรือคลำเจอขอบซิลิโคนได้

    คำแนะนำและการเตรียมตัว ก่อนศัลยกรรมเสริมหน้าผาก

  • งดทานยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน / สูบบุหรี่/ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
  • สำหรับคนที่ทานสมุนไพรบางชนิด เช่น น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหมอ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัดได้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
  • แนะนำให้สระผมมาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • คนที่มีโรคความดันสูงต้องควบคุมความดันให้เป็นปกติก่อนที่จะเสริมหน้าผากสัก 2 อาทิตย์
  • เตรียมตัวลาพักงานประมาณ 1 อาทิตย์
  • ควรพาเพื่อนหรือญาติมาด้วยในวันเสริมหน้าผาก เพราะหลังจากทำแล้วอาจจะมีอาการเวียนหัวได้เนื่องจากการเสียเลือด
  • ถ้ามีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที ก่อนการผ่าตัด มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้
  • คนที่เป็นโรคหัวใจ ที่ต้องกินยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าผาก
  • คนที่กินยา Cumadin เพื่อป้องกันภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดดำที่ขาหรือในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและหยุดยาก่อนมารับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
  • ขั้นตอนการศัลยกรรมเสริมหน้าผาก

    ในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าผากจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับกรณีของแต่ละบุคคลด้วย ขั้นตอนของการผ่าตัดเสริมหน้าผากมีดังนี้
    1. ขั้นตอนแรกทำการวัดและวาดแนวกรีด และทำการมัดผม
    2. ต่อจากนั้นทำความสะอาดใบหน้าและหนังศีรษะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
    3. จากนั้นแพทย์จะวางซิลิโคนที่หน้าผาก และทำการวาดตามแผ่นซิลิโคน เพื่อเป็นกำหนดตำแหน่งของซิลิโคน
    4. คุณหมอจะฉีดยาชาที่บริเวณจะทำการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
    5. เปิดแผลที่ศีรษะห่างจากไรผมมา 1 ซม. กรีดเป็นแนวซิกแซก เปิดแผลจะยาวประมาณ 3-4 ซม.
    6. เปิดเลาะหนังศีรษะจนถึงโหนกคิ้วจัดวางซิลิโคนให้พอดีกับ ใส่ซิลิโคนที่ใช้เสริมเข้าไป แล้วปรับให้แผ่นได้พอดี ไม่มีส่วนไหนย่นหรือห่อตัว จากนั้นก็เย็บปิด ไม่มีการโกนผม
    7. หลังผ่าตัด ให้ทำการล้างผมให้สะอาด ให้ใช้น้ำเปล่าล้างไม่ใช้แชมพู
    8. ดื่มน้ำเยอะๆ กินยาแก้ปวดทุก 4 ช.ม. เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันหลังจากการผ่าตัด
    9. สามารถไปทำงานได้หลังผ่าตัด 3-7 วัน อาจมีอาการบวมช้ำที่บริเวณผ่าตัดเสริมหน้าผาก โดยทั่วไปควรประคบน้ำอุ่น ใน วันที่ 3-7 จะช่วยลดอาการเขียวช้ำได้

    ข้อปฏิบัติและการดูแลตัวเอง หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก

    • ให้ประคบเย็นบริเวณหน้าผากประมาณ 2 วันแรก แต่หลังจากนั้นให้ทำการประคบอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้อาการปวดบวมลดลงได้
    • ดื่มน้ำเยอะๆ กินยาแก้ปวดทุก 4 ช.ม. เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันหลังจากการผ่าตัด
    • ล้างหน้า สระผมได้ตามปกติ (1 เดือนหลังทำผ่าตัดสามารถทำสีผมได้) กรณีแผลเปียกน้ำให้เช็ดให้แห้งแล้วเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที
    • ให้นอนราบไม่ต้องหนุนหมอน เพื่อลดอาการบวมที่ใบหน้าและรอบดวงตา
    • การตัดไหมสามารถทำได้หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าผากประมาณ 2 สัปดาห์
    • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
    • รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีอาการผื่นแดง คัน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
    • ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในรูปแบบหนักๆเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนหน้าผาก เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ซิลิโคนผิดรูปทรงได้
    • เข้าไปพบแพทย์ตามใบนัด หากพบอาการผิดปกติใดๆควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที

    ความเสี่ยงและสภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก

    การเสริมหน้าผาก เพื่อให้หน้าผากโค้งโหนกนูน สวยงามมีหลายวิธีดังที่กล่าวข้างต้น นอกจากนั้นศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผ่าตัดเสริมหน้าผาก ก็จะช่วยให้ปัญหาผลแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด และ ความเสี่ยงก็จะน้อยลง ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด เลือดออก แผลบวมแดง การเคลื่อนผิดตำแหน่งของวัสดุที่เสริม แผลเป็น และผลข้างเคียงจากการดมยา
    1. อาการบวมช้ำจากการผ่าตัดเสริมหน้าผาก ซึ่งจะดีขึ้นและจะสามารถหายเป็นปกติได้เอง
    2. อาจเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
    3. อาจจะอาเจียน หลังจากเสริมหน้าผากไม่ต้องตกใจไป มันเป็นปกติ ให้พักผ่อนเยอะๆ หรือบางคนอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

    ข้อดีของการศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ด้วยซิลิโคน

    การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

    • ซิลิโคนมีความคงทน อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน (อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับคุณภาพของซิลิโคน)
    • ซิลิโคนคงรูป ไม่เคลื่อนที่ไปมา ทำให้ได้รูปทรงหน้าผากตามต้องการ
    • สามารถปรับแต่งซิลิโคน เลือกความสูงได้ 3 ระดับคือ นูนน้อย นูนปานกลาง และนูนสูง ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคน หากเป็นคนหน้าผากแบนมาก ศัลยแพทย์มักแนะนำให้ใช้ซิลิโคนนูนสูง
    • หากผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่พึงพอใจในรูปทรงหรือต้องการแก้ไขเพิ่มเติม สามารถผ่าตัดนำซิลิโคนออกได้

    ข้อเสียของการศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ด้วยซิลิโคน

    แม้ว่าการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนจะมาข้อดีหลายประการแต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ดังนี้

    • ราคาสูงกว่าการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
    • จำเป็นต้องมีการผ่าตัด เปิดปากแผลบริเวณไรผมด้านบนหน้าผาก
    • ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน

    Contect