คีเลชั่นบำบัด ขจัดสารพิษเเละโลหะหนัก (Chelation Therapy)

การทำ “คีเลชั่น” (Chelation) บำบัด เพื่อขจัดสารพิษ และโลหะหนักในร่างกาย 

ปัจจุบันมาสารพิษโลหะหนักอยู่รอบตัวเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตะกั่ว สารหนู ปรอท เเคดเมียม โครเมียม โคบอลต์ นิกเกิล แมงกานิส เเละอะลูมิเนียม ซึ่งเรารับเข้าสู่ร่างกายทั้งที่เรารู้เเละ ไม่รู้ตัวด้วยกัน สยามคลินิก มีตัวช่วยดีๆในการขจัดสารพิษ เเละโลหะหนักเหล่านี้ผ่าน โปรแกรม Chelation Therapy การทำคีเลชั่นบำบัด ตัวช่วยล้างสารพิษ ขจัดโลหะหนัก ฟื้นฟูสุขภาพดี  มาทำความรู้จักกันค่ะ

“คีเลชั่น” (Chelation) คืออะไร?

คีเลชั่น คือ การล้างพิษหลอดเลือด ผ่านทางน้ำเกลือ ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ต่างๆ  ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญ ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท  สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อและพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเราแล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือ สามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ปกติ ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม


สารพิษรอบตัวเรามาจากอะไรบ้าง ?

สารพิษรอบตัวเรามาจากอะไรบ้าง ? สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีสารปนเปื้อน เช่น การดื่มน้ำที่มีสารปนเปื้อน อาหารทะเลที่มีสารโลหะหนัก พืช ผักที่ปนเปื้อนสารเคมี ยาฆ่าแมลง ในขั้นตอนการเพาะปลูก เนื้อสัตว์ที่ฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และปัจจุบันมีการตรวจพบสารปนเปื้อนในเครื่องสำอาง ยาย้อมผม สีผสมอาหาร จาน ชาม หม้อก๋วยเตี๋ยว หรือแม้แต่ของเล่นที่มีสีสันสวยงาม รวมถึงการได้รับสารพิษจากสภาวะแวดล้อม เช่น ควันรถ ควันบุหรี่ ควันพิษ โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น สารพิษ เป็นต้น

สารพิษ เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา…ใครๆ ก็มีโอกาสรับสารพิษได้


อาการเมื่อมีสารพิษโลหะหนักสะสมในร่างกาย

  • ปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก รูมาตอยด์
  • ท้องผูกเรื้อรัง  ปากเหม็น กลิ่นตัวแรง 
  • ปัญหาผิวพรรณ สิว ฝ้า 
  • หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษง่าย
  • ระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง ทำให้อ้วนง่าย 
  • เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ-  โรคผิวหนังเรื้อรัง ผื่นคัน เป็นแผล เป็นฝีบ่อยๆ

โลหะหนักอันตรายต่อชีวิตอย่างไร?

  • เซลล์เสื่อม ตาย กลายพันธุ์
  • ก่อเกิดมะเร็งต่างๆ
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างยีน พันธุกรรม
  • ก่อเกิดโรคเรื้อรัง  NCDs-  คุณภาพชีวิตต่ำลง

“คีเลชั่น” (Chelation) เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ ฯลฯ
  • ผู้ที่มีปัญหาสารพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
  • ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนโลหิตบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
  • ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัว และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
  • ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เกิดขึ้น ซึ่งการทำคีเลชั่นจะลดปัญหาเหล่านั้นได้

Medium shot woman experiencing headache Free Photo

ใครควรทำ “คีเลชั่น” (Chelation)?

ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะหนักสะสมและปัญหาสารพิษอื่น ๆ สะสมในร่างกาย เช่น อุดฟันด้วยโลหะอมัลกับ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้เครื่องสำอาง ทาเล็บ ทำสีผม สูบบุหรี่ มีคนในบ้านหรือในที่ทำงานสูบบุหรี่

  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคต่อมลูกหมาก โรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ มีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดแข็ง ขาดความยืดหยุ่น การไหลเวียนเลือดไม่ดี
  • ผู้ที่ทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว การทำคีเลชั่นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาหลอดเลือดอุดตันได้
  • ผู้ที่สุขภาพแข็งแรงดี แต่สงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากสารพิษโลหะหนัก และโรคเส้นเลือดตีบตัน รวมทั้ง ต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากร่างกาย และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วร่างกาย ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต

ประโยชน์และผลที่จะได้รับ

  • ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ
  • ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ
  • ลดความดันโลหิต
  • ลดอาการอักเสบของผิวหนัง
  • ลดการเกิดข้ออักเสบ
  • ลดอาการหอบหืด ภูมิแพ้
  • ระบบการหมุนเวียนโลหิตทั่วไปดีขึ้น (เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ,มือและเท้า ฯลฯ
  • ช่วยให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ เช่น รสชาติ ภาพ เสียงดีขึ้น
  • บรรเทาอาการเหน็บชา
  • ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น
  • ลดโอกาสเกิดมะเร็ง
  • ลดระดับไขมันในเลือด
  • ลดโอกาสสูญเสียอวัยวะ
  • เพิ่มมวลกระดูก
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ดีขึ้น
  • ช่วยให้สมองแจ่มใส ช่วยให้ความจำดี
  • บรรเทาอาการอัลไซเมอร์
  • ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
  • ช่วยให้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหมดไป

ขั้นตอนในการทำ “คีเลชั่น” (Chelation)

ให้ทางหลอดเลือด(IV EDTA)

สามารถเข้ารับการรักษาโดยการให้น้ำยาทางเส้นเลือด ซึ่งจะใช้เวลาต่อครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง โดยที่ระหว่างการให้ยานั้น สามารถรับประทานของว่าง ขนม ผลไม้  เครื่องดื่ม หรือชมรายการโทรทัศน์ไปด้วยได้


ควรทำ “คีเลชั่น” (Chelation) บ่อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ จำนวนครั้งมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และโรคที่คนไข้เป็น


“คีเลชั่น” (Chelation) มีความปลอดภัยหรือไม่ 

ปลอดภัย เพราะคีเลชั่น ใช้สาร EDTA ผ่านการยอมรับจากแพทย์แล้วทั่วโลก โดยการนำไปใช้ในผู้ป่วยกว่าสองล้านคนและด้วยจำนวนในการใช้มากกว่า 8 ล้านครั้ง ยังไม่เคยพบพบว่าผู้ใช้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นลบจากการใช้สาร EDTA เลยแม้แต่รายเดียว

ก่อนทำ Chelation แพทย์จะมีการตรวจผลเลือดเพื่อดูสภาวะการทำงานของไตและหลอดเลือดก่อน


ผลข้างเคียงในการทำ “คีเลชั่น” (Chelation)

ในระยะ 24-48 ชั่วโมง บางท่านอาจมีอาการอ่อนเพลีย อันเนื่องมาจากกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นแก้ไขได้ โดยการดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อย   2-3 ลิตร พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำผลไม้และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามความต้องการของร่างกาย


ติดต่อสยามคลินิกภูเก็ต