รายการตรวจคัดกรองมะเร็ง

ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งให้รู้ก่อน..ช่วยเพิ่มโอกาสรอด

การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง (Cancer Screening or Cancer Early Detection)  เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่ทางการแพทย์นิยมใช้ เนื่องจากเป็นการตรวจเพื่อค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ก่อนเป็นโรคจนถึงระยะเริ่มต้น แม้ว่าผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการที่แสดงออกมา ส่งผลให้มีอัตราการอยู่รอดจากโรคมะเร็งภายหลังการรักษาเพิ่มขึ้น หรือสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น

รายการตรวจ

  1. AFP (Alpha-fetoprotein) ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ
  2. CEA (Carcinoembrionic Antigen) ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้
  3. CA 19-9 Carbohydrate Antigen ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับอ่อน
  4. CA 125 (Ovarian Cancer) ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งรังไข่
  5. CA 15-3 Breast Cancer ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งเต้านม
  6. PSA (Prostate-Specific Antigen) , Free PSA ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก
  7. NSE (Neuron-Specific Enolase) ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งปอด
  8. Telomere Length การตรวจวัดความยาวของเทโลเมียร์
  9. NK cell activity

ความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็ง

แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคที่น่ากลัวในความคิดของคนส่วนใหญ่ แต่มีโรคมะเร็งหลายชนิดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ที่สำคัญคือมีจำนวนผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งจำนวนมาก ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ทวีปยุโรปและอเมริกา มีผลสำรวจว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลดลง เนื่องจากวิทยาการด้านการรักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัย บวกกับความก้าวหน้าของเครื่องมือคัดกรองโรคมะเร็งต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจในระดับยีน ทำให้สามารถตรวจพบการก่อตัวที่ผิดปกติของเซลล์เร็วขึ้นก่อนเซลล์จะผิดรูปกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้โอกาสในการรักษามีมากขึ้นตามไปด้วย

“โรคมะเร็ง” โรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

โรคมะเร็ง (Cancer) เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของยีน หรือสารพันธุกรรมที่อยู่ในเซลล์ ทำให้เซลล์มีลักษณะผิดปกติแตกต่างจากเซลล์ทั่วไป ทำให้ร่างกายควบคุมไม่ได้ทั้งยังสามารถมีชีวิตอยู่นานกว่าเซลล์ปกติทั่วไป โดยเซลล์เหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ…และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในที่สุด แม้ว่าการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งจะยังไม่สามารถคัดกรองโรคมะเร็งได้ทุกชนิด หลายๆ โรคอาจยังไม่สามารถตรวจเจอได้ ซึ่งโรคมะเร็งในปัจจุบันที่สามารถทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งได้ เช่น โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น โดยการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งแต่ละชนิดจะมีความถี่ในการตรวจที่แตกต่างกัน ดังนี้
    • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer Screening)
การตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการทำเอกซเรย์หรือที่เรียกว่าการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) ผู้ป่วยที่มีปัจจัยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ได้แก่ มีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย ไม่มีบุตร เคยได้รับการฉายรังสีที่เต้านม ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป เข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรอง
    • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer Screening)
เป็นการตรวจภายในหรือที่เรียกว่า การตรวจแปปสเมียร์  (Pap Smear หรือ Pap Test) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูก โดยจะนำเซลล์เหล่านั้นมาตรวจเพื่อค้นหาเซลล์มะเร็ง
    • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal Cancer Screening)
โดยการส่องกล้องตรวจภายในลำไส้ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ซึ่งจะพบมากในกลุ่มคนอายุ ตั้งแต่ 50 ปี เป็นต้นไป

การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?

ผลกระทบที่เกิดจากการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งจะขึ้นอยู่กับวิธีในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง เช่น
    • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมหรือแมมโมแกรม (Mammogram) ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยในขณะกำลังตรวจคัดกรอง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการบีบของเครื่องเอกซเรย์
    • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากเป็นการตรวจด้วยวิธีการส่องกล้อง จึงต้องมีการเตรียมตัวคนไข้ก่อนการตรวจ คือ ต้องมีการทำความสะอาดลำไส้โดยการทานยาระบาย เพื่อนำเอาอุจจาระในลำไส้ออกมาให้หมด ซึ่งอาจจะทำให้คนไข้เกิดอาการอ่อนเพลียได้

รู้หรือไม่? ความเสี่ยงการเกิดโรค…ระหว่างเพศชายและเพศหญิงแตกต่างกัน

การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งในเพศชายและเพศหญิงจะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น โรคมะเร็งเต้านม เพศชายก็มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่เพศหญิงมีความเสี่ยงเยอะกว่า ในส่วนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้ง 2 เพศ โดยส่วนใหญ่แพทย์มักจะแนะนำผู้ป่วยที่อายุ ตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง

ตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง

การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง คือ มาตรการในการค้นหาโรคมะเร็งระยะแรกเริ่มในผู้ที่ยังไม่มีอาการของโรค โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและความเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง การตรวจคัดกรองสำหรับโรคมะเร็งต่าง ๆ (Screening for Specific Cancer) เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับและมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงหรือกังวลว่าจะเป็นมะเร็งนั้นนับว่ามีความสำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรค ในขณะเดียวกันหากมีการค้นพบมะเร็งตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากการเป็นมะเร็งในอัตราที่สูงและทำให้คนที่เป็นมะเร็งมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้เช่นกัน องค์กรอนามัยโลกแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มแรกถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการใด ๆ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และทันท่วงที

สัญญาณอันตราย 7 ประการ

สัญญาณอันตราย 7 ประการที่ควรรีบมาพบแพทย์ ได้แก่
  1. มีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น มีตกขาวมากเกินไป
  2. มีก้อนหรือตุ่มเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ
  3. มีแผลเรื้อรัง
  4. มีการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม
  5. เสียงแหบ ไอเรื้อรัง
  6. กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  7. มีการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน เช่น โตผิดปกติ

มะเร็งปากมดลูก

  • มีหลักฐานทางคลินิกจากองค์กรอนามัยโลกแนะนำให้ผู้หญิงช่วงอายุระหว่าง 21 – 65 ปี ควรตรวจหาโอกาสการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ทุก ๆ 3 – 5 ปี เพื่อลดความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต (Ref : IARC, 2005 and Sankaranarayanan et al., 2007)
  • American Cancer Society แนะนำให้ผู้หญิงที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกควรต้องได้รับการตรวจหาโอกาสการเกิดโรคเช่นเดียวกับหญิงที่ไม่เคยได้รับวัคซีน (Ref: American Cancer Society 2015)

มะเร็งต่อมลูกหมาก

  • American Cancer Society แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการตรวจหาสาร PSA ในเลือด หรือ / และการใช้นิ้วคลำทางทวาร โดยในผู้ชายอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติในครอบครัว (พ่อหรือพี่ชาย / น้องชาย) เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก่อนอายุ 65 ปี

มะเร็งปอด

  • American Cancer Society แนะนำให้ผู้ที่สูบบุหรี่หนัก (มากกว่า 30 pack – year*) และยังสูบอยู่ หรือ ผู้ที่เคยสูบบุหรี่แต่เลิกไปแล้วภายใน 15 ปีที่ผ่านมา อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปต้องได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด โดยเฉพาะการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำที่บริเวณทรวงอกทุกปี (*จำนวน pack – year = จำนวนซองบุหรี่ที่สูบต่อวัน X จำนวนปีที่สูบ)

มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งลำไส้ตรง

ตามคำแนะนำของ The American Cancer Society และ National Cancer Institute ผู้หญิงและผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรเริ่มมีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงด้วยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร (แบบ Sigmoidoscopy หรือ Colonoscopy) อย่างน้อยทุก ๆ 5 – 10 ปี

มะเร็งตับ

มีหลักฐานทางการแพทย์ในการแพร่ระบาดพบว่า การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งตับ ดังนั้นการตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบซี (Anti – HCV) จึงสามารถใช้ประเมินหาความเสี่ยงและเฝ้าระวังการเป็นมะเร็งตับได้

มะเร็งรังไข่

ในปัจจุบันการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง CA 12-5 และ HE4 ในกระแสเลือดได้รับการยอมรับทางการแพทย์เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยระยะเบื้องต้นของโรคมะเร็งรังไข่ โดยเมื่อเทียบกับผู้หญิงปกติพบว่า ประมาณ 80 – 85% ของผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่มีระดับ CA 12-5 และ HE4 สูงขึ้น หากพูดถึงโรคมะเร็ง หลาย ๆ คนอาจเกิดความกังวลใจไม่ใช่น้อย เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย และมักลุกลามรวดเร็ว..ทั้งที่ผู้ป่วยยังไม่รู้ตัว ปัจจุบันทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง ทำให้สามารถค้นหาโรคมะเร็งระยะเริ่มต้นได้ ช่วยป้องกันเซลล์มะเร็งลุกลาม..เพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น

การเตรียมความพร้อมก่อนตรวจคัดกรอง

มะเร็งปากมดลูก
    • ตรวจหนึ่งสัปดาห์หลังหมดประจำเดือน
    • ก่อนได้รับการตรวจผู้ป่วยควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เหน็บยาในช่องคลอด หรือสวนล้างช่องคลอด 24-48 ชั่วโมง
มะเร็งเต้านม
    • สามารถรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มได้ตามปกติ
    • ไม่ควรทาโลชั่น แป้งฝุ่น รวมไปถึงสเปรย์ต่างๆ ที่บริเวณเต้านมและรักแร้ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดจุดบนภาพ ทำให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อนได้
    • หากเคยตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) มาก่อน ควรนำผลการตรวจเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง
มะเร็งลำไส้ใหญ่
    • ควรงดอาหารหรือควบคุมอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ
    • ทานอาหารที่มีกากใยน้อยลงและทานยาระบาย เพื่อขับสิ่งต่างๆ ในลำไส้ใหญ่ออกมา
“การเป็นโรคมะเร็งขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหรือคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็มีความเสี่ยงจะเป็นโรคมะเร็ง และคนที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งเลย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงนะครับ ดังนั้นเราควรหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย ด้วยการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
 

 

ความอื่นๆ


ติดต่อสยามคลินิกภูเก็ต