ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda คือยาฉีดที่ช่วยลดน้ำหนักโดยใช้ฮอร์โมนเลียนแบบ GLP-1 ซึ่งช่วยควบคุมความอยากอาหารและทำให้รับประทานน้อยลง ยาชนิดนี้ ได้แก่ Saxenda และ Ozempic โดย Saxenda ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบันและถือว่าเป็นหนึ่งในยาที่ใช้ลดน้ำหนักที่ขายดีมาก ผลลัพธ์จะดีเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เมื่อเวลาฉีดจะฉีดเข้าทางต้นขาหรือต้นแขน
GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ที่มีในปากกาลดน้ำหนัก Saxenda เป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติภายในลำไส้หลังการรับประทานอาหาร โดยมีหน้าที่กระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลิน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล นอกจากนี้ GLP-1 ยังทำหน้าที่ลดความอยากอาหารและส่งสัญญาณให้สมองรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เมื่อใช้เป็นยารักษา เช่น Saxenda หรือ Ozempic จะช่วยเลียนแบบฮอร์โมนนี้ ทำให้ผู้ใช้สามารถลดปริมาณการทานอาหารลง ช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หากสรุปให้เข้าใจในภาษาที่ง่ายคือ ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda คือ เมื่อตัวยาส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อให้ความอยากอาหารลดลง ดังนั้นผู้ใช้ยาจึงมีความหิวลดลง ซึ่งเกี่ยวเนื่องต่อมาถึงการทำให้กระเพาะบีบตัวเพื่อย่อยอาหารน้อยลง จึงส่งผลให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ดังนั้นผู้ใช้งานจึงรับประทานอาหารได้น้อยลง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มใช้ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda
- เหมาะกับใคร: แนะนำสำหรับผู้ที่มี BMI เกิน 30 หรือเกิน 27 และมีปัญหาสุขภาพ หรือมีแนวโน้มจะมีปัญหาสุภาพ เช่น ผู้มีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งไทรอยด์ โรคไทรอยด์ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ หญิงที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้สูงอายุ ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคตับหรือไต
- การทำงาน: เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ควบคุมความอยากอาหาร
- ผลข้างเคียง: อาจมีคลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก ซึ่งมักจะลดลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง โดยส่วนมากร่างกายจะปรับตัวได้หลังจากเริ่มใช้ยาไป 1 สัปดาห์
- ผลลัพธ์: เห็นผลชัดเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย
- ควรอยู่ภายใต้การดูแลแพทย์
ท่านที่สนใจปากกาลดน้ำหนัก Saxenda สามารถส่งข้อความเพื่อปรึกษาทางไลน์ หรือนัดแพทย์เพื่อปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงได้ๆทั้งสิ้น
ปัญหาเรื่องน้ำหนักไม่ใช่ปัญหาที่สามารถมองข้ามได้
แท้ที่จริงแล้ว การมีน้ำหนักเกิน ก็เป็นส่วนประกอบที่นำมาซึ่งโรคต่างๆที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้เช่นกัน อาธิเช่น
- โรคเบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเซลล์ไขมันที่ไปรบกวนการทำงานของ “อินซูลิน” ซึ่งสร้างจากตับอ่อน (มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย) ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน มีระดับอินซูลินในเลือดสูง ส่งผลให้กระบวนการสลายไขมันลดลง เกิดการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น ทำให้พุงใหญ่ขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและอ้วนลงพุง
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) เกิดจากไขมันที่ผิดปกติในโรคอ้วน ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride), กรดไขมันอิสระ (Free fatty acid) และไลโปโปรตีนชนิดบี (ApoB) สูงขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบ นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต
- โรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดหรือไขมันในเลือดที่สูง ทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบและตีบตัน ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและเส้นเลือดในสมองแตกได้
- โรคอ้วนเรื้อรัง เกิดจากเซลล์ไขมันส่วนเกินกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารอักเสบ เช่น C-RP (C-Reactive Protein) ซึ่งไปจับกับฮอร์โมน “เลปติน” ฮอร์โมนแห่งความอิ่ม ทำให้เกิดภาวะดื้อ “เลปติน” ทำให้ทานเยอะขึ้นและอิ่มยากขึ้น
- โรคมะเร็ง ประมาณ 25-30% ของมะเร็งลำไส้ เต้านม (หลังหมดประจำเดือน) เยื่อบุโพรงมดลูก ไต และหลอดอาหาร เกิดจากโรคอ้วนและขาดการออกกำลังกาย ซึ่งการลดน้ำหนักลงเพียง 5-10% สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้
สรุปได้ว่า โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ทั้งนี้การลดน้ำหนักโดยใช้ปากกาลดความอ้วนเป็นเพียงองค์ประกอบเดียวของการรักษาสมดุลย์ของน้ำหนักที่เหมาะสม หากคนไข้ไม่ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เหมาะสมก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำหนักเกินไปอย่างยั่งยืน
สถานที่ตั้ง Siam Clinic สาขาเกาะแก้ว (BISP)
สถานที่ตั้ง Siam Clinic สาขา Big C ภูเก็ต
บทความอื่นที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก