การวิเคราะห์ใบหน้า อย่างไรที่เรียกว่าสวยสไตล์หมอความงาม

0
4879

การวิเคราะห์ใบหน้า ทำไม บางคนคิดว่า คนหน้าตาแบบนี้ “สวย” แบบนี้ “ไม่สวย”? อะไรคือ จุดแตกต่าง? อย่างไร ที่เรียกว่า สวย ?  นิยาม “ความงาม หรือ ความสวย “คืออะไร กันแน่ ?   หากคุณมีคำถามเหล่านี้ อยู่ในหัวของคุณ แล้วยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมคุณถึงมองว่า…สวย ? คุณกำลังมาถูกทาง…และนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงต้องอ่านบทความนี้ เรากำลังพาคุณไปค้นพบคำตอบ นั่นคือ การวิเคราะห์ใบหน้าอย่างไรที่เรียกว่า “สวย” นั่นเอง

สไตล์หมอความงาม สิ่งสำคัญที่สุดของผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความงาม…ก่อนการวิเคราะห์ใบหน้า ของ เราต้อง ทำความเข้าใจ อย่างถ่องแท้  กับเรื่องเหล่านี้ก่อน….


นิยาม “ความงาม หรือ ความสวย” จากอดีตถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร

“ความงาม ” นั้นถือ เป็นศิลปะชั้นสูง  ที่มีส่วนผสมทั้งเรื่อง  ธรรมชาติ  ความรู้สึก  วัฒนธรรม  แฟชั่น  และหลักทางวิทยาศาสตร์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Facial Beauty Angelina

บางครั้งสิ่งที่คนในอดีตมองว่าสวย  มองว่างามอย่างมาก  แต่คนสมัยใหม่อาจมองว่าไม่สวยมากขนาด 100 % ก็ได้  แต่ก็มักจะมีบางอย่าง หรือบางส่วนที่ยังรู้สึกว่าดูแล้วยังสวย หรือดูดี

old beauty

ทั้งนี้เพราะยังมีส่วนผสมบางอย่างที่เป็นองค์ประกอบของความที่เหมือนเดิม  โดยเฉพาะ  ส่วนที่หลักทางวิทยาศาสตร์  และหลักธรรมชาติความรู้สึกของมนุษย์  ในขณะที่วัฒนธรรมและแฟชั่นที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย  เลยทำให้ความสวยนั้นลดลงไป เป็นต้น

งานการรักษาคนไข้ด้านความงามจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย อย่างมาก  แพทย์ที่เก่งจริงต้องสามารถไล่ตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ทัน  พร้อม ๆ  กับการนำมาประสานอย่างลงตัวกับศิลปะและแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน  หรือที่เรียกว่าเทรนด์ใหม่ ๆ  นั่นเอง

นิยาม หรือ ความหมาย ของความสวยความงาม  ในอดีต

หลายทศวรรษที่บรรดาเหล่านักวิชาการ ศิลปิน นักเขียน หรือนักปรัชญามีชื่อโดยเฉพาะในยุคที่ยุโรปเฟื่องฟู มีความพยายาม หาคำจำกัดความของคำว่าความสวย ความงาม มีการกล่าวว่า “Beauty as we feel it is  something indescribable what it is or what it means can never be said” แปลว่า ความงาม เป็นความรู้สึก เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ความหมายที่แท้จริงจึงไม่เคยถูกกล่าวถึงมาก่อน (จากหนังสือชื่อ The Sense of Beauty เขียนโดย George Santayana ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1896 ) และนักประพันธ์ที่โด่งดัง Molly Bawn (1878 ) กับสำนวนที่ดังติดปาก “Beauty is in the eye of the beholder” แปลว่า ความงามคือสิ่งที่อยู่ในตาของผู้ดู ดังนั้นความงามจึงไม่ใช่เพียงสิ่งที่สามารถมองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ทางใจด้วย

สำหรับในทางการแพทย์นั้น แพทย์ความงามมักมองว่า ความงาม คือ องค์ประกอบที่ลงตัวของรูปแบบ และสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งมาจากการศึกษาวิจัยที่พบว่ารูปแบบและสัดส่วนที่เหมาะสมนั้นจะทำให้เกิดความรู้สึกสวยงามต่อคนส่วนใหญ่ สัดส่วนนี้มีชื่อเรียกว่า “Golden Ration”

Golden  Proportion หรือ Golden  Ratio ซึ่งมีค่า  = 1.6180339887……

อะไรก็ตามที่มีสัดส่วนใกล้เคียงตัวเลขนี้ จะทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกถึงความสวยงาม และไม่จำกัดเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้น แต่รวมถึงร่างกายทุกส่วนแม้แต่ฟันด้วย และก็เป็นที่น่าแปลกใจ ที่รูปปั้นต่างๆ ในสมัยโบราณ โบสถ์ วิหารที่สวยงามเลื่องชื่อ หรือแม้แต่ภาพวาดโมนาลิซ่าก็มีสัดส่วนนี้ทั้งสิ้น

สำหรับคำว่า Aesthetics นั้น เป็นแขนงหนึ่งในวิชาปรัชญา เป็นการศึกษาเรื่องของธรรมชาติ ความงาม และรสนิยม  รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความซาบซึ่งต่อความงามด้วย

ภาพวาดโมนาลิซ่า ตามหลัก Golden ratio หอไอเฟล


การวิเคราะห์ใบหน้า ตามหลักการแพทย์เพื่อความงาม (Facial  Analysis)

ทุกครั้งก่อนเริ่มให้การรักษา  แพทย์จำเป็นต้องทำการวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อการประเมิน  และวางแผนการรักษา  เพื่อทำการรักษาได้ถูกต้องและตรงจุด

“คนไข้ที่เข้ามาปรึกษาแพทย์อาจไม่ทราบ ว่าหน้าไม่ได้สัดส่วน ทำให้ต้องการรักษาในตำแหน่งที่ผิด “

เช่น  อยากฉีดให้จมูกโด่งขึ้น ทั้งๆ ที่มีจมูกโด่งในระดับหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่ทราบเลยว่าตัวเองมีคางสั้นไม่ได้สัดส่วน เคสแบบนี้หากเสริมให้จมูกโด่งขึ้นสัดส่วนใบหน้าจะยิ่งเสียไปมากขึ้น และผลลัพธ์คือ แม้ว่าจมูกจะโด่งสวยขึ้นแต่โดยรวมจะดูแย่ลง เป็นต้น

Design Faceหรืออีกกรณี เช่น  อยาก ฉีดฟิลเลอร์เติมร่องแก้ม  เพราะเห็นร่องแก้มเป็นร่องลึก  โดยปกติร่องแก้มลึก เกิดจากการยุบตัวของผิวหนังและเนื้อเยื่อข้างใต้ผิว  ดังนั้น  ความผิดปกตินี้จะเกิดทั่วใบหน้า  โดยเฉพาะส่วนใต้ตา และแก้มส่วนที่ติดกับใต้ตา การรักษาโดยเติมเต็มร่องแก้มอาจทำให้เห็นเพียงร่องลึกดูดีขึ้น  แต่ใบหน้าส่วนล่างจะบานออก  โดยจะดูแย่ลง  และไม่เป็นธรรมชาติ

การรักษาที่ถูกต้อง คือ ต้องแก้ที่ส่วนบน คือ ใต้ตาและแก้มส่วนบนที่ติดกับใต้ตาก่อน ซึ่งฟิลเลอร์จะทำให้เกิดการยกแก้มที่ยุบตัวลงขึ้นทั้งหมด  แม้ว่าร่องแก้มจะไม่ได้แก้ไขเลย แต่โดยรวมใบหน้าจะดูอ่อนวัยลงและดูเป็นธรรมชาติด้วย ดังนั้น การวิเคราะห์ใบหน้าที่ถูกต้องและการรักษาที่ตรงจุด จึงเป็นเทคนิคชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับความรู้ด้านศิลปะความงามและหลักการแพทย์สมัยใหม่


การวิเคราะห์ใบหน้า มีปัจจัย 5 ด้าน

  1. รูปหน้า (Shape)
  2. สัดส่วนใบหน้า (Proportion)
  3. มุม และองศาต่าง ๆ ของใบหน้า (Angles)
  4. ความโค้ง ความเว้า ของใบหน้า (Contour)
  5. ความสมมาตร หรือ ความเท่ากัน ซ้าย – ขวา ของใบหน้า (Symmetry)

ใบหน้า


ปัจจัยที่ 1 รูปหน้า (Shape)

รูปหน้าสามารถถูกแบ่งออกได้คร่าวๆ คือ หน้ากลม หน้าเหลี่ยม หน้ายาว หน้าวงรี หน้ารูปสามเหลี่ยม หรือรูปลิ่ม  เป็นต้น รูปหน้าที่สวยที่สุด คือ หน้ารูปวงรีไข่ไก่กลับหัว แต่ปัจจุบันเกิดกระแสนิยม หน้า V-Shape ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสเกาเหลี

ในเมืองไทย  การทำหน้า V-Shape โดยคลินิกความงามส่วนใหญ่ยังเป็นการใช้เทคนิคการรักษาแบบเก่าๆ เช่น  การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม การฉีดเสริมคางให้แหลม และการฉีดลดไขมันใต้ผิวหนังที่แก้ม  ซึ่งทั้งหมดนี้บางครั้งทำให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ตามมา เช่น แก้มห้อยย้อยลงหลังจากที่แก้มหรือกรามยุบตัว หรือ ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจนหน้าตอบ  ดูทรุดโทรม หรือฉีดคางจนแหลมน่าเกลียด ภาพรวมเลยกลายเป็นหน้า  V-Shape  แบบแหลมๆ เป็นจิ้งจกไป เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าทั้งแพทย์และตัวคนไข้เองก็ยังไม่เข้าใจศิลปะของความงามที่แท้จริง รูปหน้าที่สวยแบบ V-Shape นั้นต้องมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับหัว และเทรนด์ใหม่คือต้องเห็นแนวกระดูกขากรรไกรล่างที่คมชัดด้วย เป็นต้น ซึ่งการทำ V-Shape แบบนี้  แพทย์ผู้ให้การรักษาต้องเข้าใจและต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูงในการเสริมแต่งแนวกระดูกกรรไกรล่างด้วยฟิลเลอร์ หรือการร้อยไหมแต่งกรอบหน้า

Shape


ปัจจัยที่ 2 สัดส่วนใบหน้า (Proportion)

ใบหน้ามนุษย์สามารถแบ่งออกได้ใน

porportion

  • แนวตั้ง เป็น 5 ส่วนเท่าๆกัน
  • แนวนอน เป็น 3 ส่วน (ตามรูป) สัดส่วนในแนวนอนนี้ มีผลมากต่อความงาม โดยเฉพาะแนว 1/3 ล่าง  ซึ่งหากยาวหรือสั้นไปจะมีผลอย่างมากต่อความสวยงามของใบหน้า
  • ในแนว 1/3 ล่าง ยังแบ่งย่อยออกได้เป็นอีก 3 ส่วน คือ ฐานจมูกถึงริมฝีปากบน 1 ส่วน และริมฝีปากล่างถึงคาง  2  ส่วน  การปรับส่วนนี้ให้สมดุลจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้ใบหน้าได้อย่างมากซึ่งเราสามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปรับสัดส่วน ทำได้ง่าย ปลอดภัยไม่เจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้นเลย

ปัจจัยที่ 3 มุม และองศาต่างๆ ของใบหน้า (Angles)

ความงามบนใบหน้าเกิดจากองค์ประกอบของแต่ละส่วนมาประกอบกันอย่างเหมาะสม ดังนั้น มุมของอวัยวะแต่ละส่วนย่อมต้องเหมาะสมด้วย  จึงทำให้ภาพรวมออกมาสวยงาม  มุมและองศาที่สำคัญของใบหน้ามีดังนี้

  • มุมสันดั้งจมูกและหน้าผาก (Nasofrontal  Angle) ที่เหมาะสมคืออยู่ระหว่าง 115 – 135 องศา ดังนั้น  ไปเสริมจมูกมาก ไม่ว่าจากการผ่าตัดเสริมซิลีโคน หรือฉีดฟิลเลอร์ก็ตาม แล้วปรากฏว่าดั้งช่วงระหว่างหัวตา สูงโด่งเป็นสันไปชนกับหน้าผากบริเวณระหว่างคิ้ว แสดงว่ามุมสันดั้งจมูกและหน้าผากของท่านนี้จะเกิน  135 องศา แน่นอนครับ และอาจกลายเป็น 180 องศาเลย ในบางราย  มันก็จะดูตลกไม่สวยงาม
  • มุมสันดั้งกับระดับแนวหน้า (Nasofacial Angle ) มุมนี้ก็คือมุมโด่งของสันดั้งจมูกนั่นเอง ถ้าสูงไป แสดงว่าจมูกโด่งชี้มากเกินไป มุมนี้ควรประมาณระหว่าง 30 – 40 องศา
  • มุมปลายจมูกคาง (Nasomental Angle) เป็นมุมที่แสดงความโด่ง ความพุ่งของปลายจมูกกับคาง ที่เหมาะสมคือ 120 – 130 องศา หากมุมนี้แคบไปแสดงว่าปลายจมูกสูงไป หรือคางสั้นไป หรือถ้ามุมกว้างไป ก็อาจหมายถึงปลายจมุกต่ำไป หรือคางยื่นออกมามากไป เป็นต้น การเสริมจมูกคางจึงต้องพิจารณามุมปลายจมูกกับคาง (Nasomental Angle) ให้เหมาะสมด้วย
  • มุมปลายจมูกและริมฝีปากบน (Nasolabial Angle) เป็นมุมที่แสดงความสมดุลของปลายจมูกกับริมฝีปากบน ที่เหมาะสมในผู้ชายคือ 90 – 95 องศา ในผู้หญิง 95 – 110 องศา ซึ่งตามธรรมชาตินั้นมุมนี้มักแคบกว่าปกติเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณปลายจมูกที่มักจะดึงให้ปลายจมูกต่ำลง  สังเกตดูง่ายๆ คือ เวลายิ้มหรือทำปากจู่  ปลายจมูกเราจะถูกดึงลงต่ำ การปรับมุมปลายจมูกและริมฝีปากบนให้เหมาะสม  จะช่วยทำให้ส่วนของริมฝีปากและจมูกดูสวยงามขึ้น

ปัจจัยที่ 4 ความโค้ง ความเว้าของใบหน้า (Contour)

ใบหน้าที่สวยงามต้องมีส่วนโค้งนูนและส่วนเว้าที่เหมาะสม ส่วนโค้งเว้าที่สำคัญเรียกว่า “3 ส่วนโค้งของความเยาว์วัย” (3 Primary Arcs of Youth) ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความเป็นหนุ่มสาว มีดังนี้คือ

  • การโค้งนูนของหน้าผาก ( Convexity of the Forehead ) ทั้งนี้ลักษณะการโค้งนูนของหน้าผากเป็นสิ่งแสดงความงามของผู้หญิง  แต่สำหรับผู้ชายต้องไม่โค้งนูนมากเกินไป
  • โค้งรูปตัวเอส (S) ของแก้ม (The Ogee Curve of the Cheek) แก้มที่สวยงามจะมีส่วนโค้งเว้าเหมือนตัว S ทั้งส่วนแก้มด้านหน้าและแก้มด้านข้าง การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหม หรือการฉีดโบท็อกซ์ จึงต้องระวังไม่ให้สัดส่วนนี้เสียไป ที่พบบ่อยๆ คือฉีดโบท็อกซ์กรามจนแก้มด้านข้างตอบยุบจนเห็นเงากระดูกโผล่  หรือกรณีฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มไม่ดี ก็จะทำให้แก้มดูป่องและหย่อนห้อยลงมา และที่พบย่อย ๆ ในผู้ที่ผ่าตัดดึงหน้าโดยแนวดึงจากหน้าไปหลังและขึ้นบน ทำให้ใบหน้าแบนเพราะสูญเสียมิติและเสียสัดส่วนการโค้งนูน  ทำให้ดูแปลกไม่สวยงามไม่เป็นธรรมชาติ
  • แนวโค้ง และความคมชัดของแนวกระดูกกรามล่าง (Long Uninterrupted Line of the Jaw) แนวนี้เริ่มจากคางไปจนถึงมุมกรามของกระดูกกรามล่าง

ปัจจัยที่ 5 ความสมมาตร หรือ ความเท่ากัน ซ้าย – ขวา  ของใบหน้า (Symmetry)

หลายๆ คนคงคิดว่าการมีใบหน้าที่สวยงามนั้น คือ ต้องมีใบหน้าซ้าย – ขวา  เท่ากัน แต่ความคิดนี้กลับผิด จากการทดลองและการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่า การมีใบหน้าที่ไม่เท่ากัน ซ้าย – ขวา เล็กน้อย มีส่วนทำให้มีความสวยงามของใบหน้าเพิ่มขึ้น และที่น่าแปลกก็คือมีการทดลองเอาภาพใบหน้าที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ โดยทำให้ใบหน้าซีกซ้าย และขวาเท่ากัน 100 % เปรียบเทียบกับภาพใบหน้าจริงที่ใบหน้าซีกซ้าย –ขวากัน 100%

ผลสรุปจากการทดลองพบว่า ใบหน้าจริงที่ใบหน้าซีกซ้าย – ขวาไม่เท่ากันเล็กน้อย ได้คะแนนความสวยงามมากกว่า  แปลกไหมครับ ฟังดูแล้วขัดกับรู้สึกของเรา ทั้งนี้หากความสมมาตร ซ้าย – ขวาแตกต่างกันมาก และที่จริงแพทย์ก็คงไม่สามารถทำให้ใบหน้าซีก ซ้าย – ขวา เท่ากันได้ 100% แต่นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติความงามสร้างสรรค์ให้เราดูสวยงามขึ้น


บทสรุปของการวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อความงาม

ทฤษฏีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ทฤษฏีค่าเฉลี่ยของความงาม (The Averageness Hypothesis of Facial Beauty) โดย Sir Francis Galton ลูกพี่ลูกน้องของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Charles Darwin ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 กล่าวคือ ผู้ที่มีสัดส่วนและองค์ประกอบใบหน้าค่าเฉลี่ยของประชากร  จะมีความสวยงามและน่าดึงดูดกว่า เช่น องค์ประกอบและสัดส่วนของรูปหน้า ปาก จมูก ตา เป็นต้น แต่หากนำรูปที่เป็นค่าเฉลี่ยนั้นออกมาปรับแต่งให้ส่วนต่างๆ ของใบหน้ามากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ผลที่ได้คือ ใบหน้าก็จะดูสวยโดดเด่นมากขึ้นไปอีก แต่ต้องไม่มากจนเกินไป สิ่งที่สอนเราว่าการรักษาเพื่อความงามบนใบหน้าเราต้องคำนึงถึงความพอดีด้วย เพราะถ้ามากกเกินไป จากสวยก็จะกลายเป็นไม่สวย เหมือนข้อสรุปของทฤษฏีนี้นั่นเอง

สนใจปรึกษาการปรับรูปหน้าด้วยวิธีการต่างๆ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์ด้านล่างนี้

siamclinic
การวิเคราะห์ใบหน้าโดยอาจารย์เอม

ติดต่อสยามคลินิกภูเก็ต

 

บทความก่อนหน้านี้ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หน้าเด็กได้ไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม
บทความถัดไปHIFU ยกกระชับผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด